วิธีคิดที่แตกต่าง ระหว่างคนรวยและคนจน
ความร่ำรวยและความยากจนเป็นสิ่งที่แยกด้วยฐานะของทรัพย์สินเงินทอง แต่ในเชิงลึกแล้วมาจากทัศนคติในการใช้ชีวิตและการตัดสินใจที่แตกต่างกันระหว่างแต่ละคน ซึ่งมีผู้ศึกษาด้านพฤติกรรมศาสตร์ ตั้งข้อสังเกตไว้ดังนี้
คนที่ชอบการดูดวงมากเป็นพิเศษ หรือเชื่อในเรื่องของฤกษ์ยาม มักจะเป็นคนที่ไม่มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง จึงปล่อยให้ชะตาชีวิตเป็นตัวกำหนดความมั่งคั่ง ซึ่งคนที่ร่ำรวยส่วนใหญ่จะเชื่อมั่นในตัวเองสูง และเลือกชะตาชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ คนที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตมีเงินทองมั่งคั่งนั้น ต้องเป็นคนที่รักการแข่งขัน ชอบที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นในวงการธุรกิจ วิชากรหรือการแข่งขันกีฬา ก็ต้องเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากมีทัศนคติยอมแพ้ง่าย หรือไม่ชอบสู้กับใคร ก็มักมีค่าเฉลี่ยรายได้น้อยกว่า
คนที่มีฐานะยากจน มักเห็นทุกสิ่งรอบตัวเป็นอุปสรรค คิดแต่ว่าความไม่พร้อมเป็นข้อจำกัดในการใช้ชีวิต ไม่สามารถที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าได้ดี แต่คนที่มีทัศนคติเปิดกว้าง แม้จะอยู่บนความไม่พร้อมรูปแบบต่าง ๆ ก็มองว่าปัญหาหรืออุปสรรคเหล่านั้นเป็นบททดสอบที่ดี ที่จะทำให้เติบโตแบบก้าวกระโดด คนกลุ่มหลังจึงมักมีฐานะร่ำรวยเมื่อเวลาผ่านไป จากการเติบโตด้วยประสบการณ์ชีวิตในรูปแบบต่าง ๆ การเข้าสังคม จะทำให้มีคนรู้จักมากขึ้น เกิดการเชื่อมโยงช่วยเหลือกิจการงานต่าง ๆ ส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจเติบโตได้เร็ว ซึ่งคนที่ร่ำรวยเร็วมักมีความคิดก้าวไกลในการประชาสัมพันธ์ตัวเองให้เป็นที่ต้องการร่วมงานและนำมาใช้กับการทำธุรกิจได้ในทุกรูปแบบ แต่คนที่เก็บตัว มักจะอยู่ในสังคมเดิม ๆ ที่จำกัดจึงขาดโอกาสในการต่อยอดรายได้ มักมีฐานะยากจนกว่า
วินัยการใช้จ่าย
หากใช้จ่ายเกินตัวไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย และชื่นชอบการใช้เงินในอนาคต เช่น การใช้บัตรเครดิต โดยไม่สำรองเงินไว้จ่ายตามกำหนด จะทำให้มีความเสี่ยงฐานะยากจนมากกว่าคนที่คิดอย่างรอบคอบและวางแผนอย่างดีที่จะซื้อสิ่งของที่คุ้มค่าเท่านั้น จะเห็นได้ว่าตัวอย่างที่กล่าวมา คือลักษณะของการคิดที่จะส่งผลต่อการกระทำของผู้คน หากคุณต้องการจะเป็นคนรวย ก็ต้องแก้ไขที่ทัศนคติและมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จนสามารถพัฒนาตัวเองให้มีช่องทางสร้างรายได้ที่มั่นคงได้ในระยะยาว เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านปรับเปลี่ยนมุมมองทัศนคติให้เหมาะสมแก่การเป็นคนร่ำรวยยิ่งขึ้นต่อไป